วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประวัติชาวม้งในช่วง 800 ปีที่ผ่านมา


แผ่นดินจีนกว้างใหญ่ มีประวัติการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจมาอย่างยาวนาน ชนเผ่าหลายๆ เผ่าที่เคยมีชื่อเสียงอยู่ในแผ่นดินเหล่านี้ได้สูญพันธุ์ไปหมดสิ้น ( ซยงหนู๋ ถั๋วป๋า ) และหนึ่งในชนเผ่าที่กำลังจะสูญสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ คือ ชนเผ่าเมี้ยว หรือแม้ว หรือม้งในปัจจุบันนั้นเอง
กาลเวลาผ่านไป เรื่องราวต่างๆ ถูกหลงลืมเหลือเพียงตำนานและนิยายปรัมปราเล่าให้ลูกหลานฟังสืบไป

“คนเราเกิดมาหากไม่รู้รากเหง้าตนเองแล้วจะยิ่งใหญ่ไปเบื้องหน้าได้อย่างไร”

“มีชาติถึงมีบ้าน” คำนี้นั้นจริงยิ่งสิ่งใด หลายร้อยปีผ่านไป ผู้เฒ่าผู้แก่ตายลงรุ่นต่อรุ่น ยังมิมีแผ่นดินให้ดำรงอยู่เพื่อสร้างบ้านของตนเอง มองดูช่างน่าอนาถใจ

ชาวเมี้ยวหรือม้งนั้นแต่เดิมมามีวัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อเป็นของตนเอง เผ่าพันธุ์ม้งนั้นมีประวัติและเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความเป็นชาติพันธุ์ แต่เสียดาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 800 ปี ที่ผ่านมานั้นช่างน่าเศร้า ประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 นั้น (สมัยราชวงศ์หมิง) มีกลุ่มคนต่างๆดังต่อไปนี้

1. ชาวฮั่น (ชาวจีนในปัจจุบัน) อาศัยอยู่ทางภาคกลางของประเทศจีนในปัจจบัน

2. ชาวแมนจู (หม่านโจวในภาษจีน แมนจูมีหลายชื่ออาทิ แมนโจว หม่านโจว หนี่โจว หนี่ชิง ชนแมนจูแต่เดิมชื่อเผ่าหนี่เจิน) อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนในปัจจุบัน แมนจูมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเพียงชนกลุ่มๆ เล็กที่มีประชากรเพียง 2 ล้านคน แต่สามารถปกครองชาวจีนฮั่นมากกว่า 100 ล้านคนในช่วงทศวรรษที่ 1644 – 1911

3. ชาวมองโกล อาศัยอยู่ทางเหนือของประเทศจีน หรือพื้นที่ในประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน

4. ชาวซีเซี้ย อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของราชวงศ์หมิงติดเขตแดนเผ่าหนี่เจินในช่วงศตวรรษที่ 12

5. ชาวเหลียว อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรซีเซี่ย

6. และชนเผ่าอันอยู่ใกล้เขตชาวฮั่น ได้แก่

· เมี้ยว อยู่ทางทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของราชวงศ์หมิง หรือพื้นที่มลฑลยูนนาน ฮูนนาน ไกวเจา เสฉวน ในปัจจุบันนั่นเอง

· อุยกูร อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของราชวงศ์หมิง

· จ้วง ทิศที่อยู่ในศตวรรษที่ 13 ไม่แน่ชัด

· หุย ทิศที่อยู่ในศตวรรษที่ 13 ไม่แน่ชัด

ปี ค.ศ. 1372 ศักราชหย่งเล่อปีที่ 4 หลังฮ่องเต้หมิงไท่จู่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงขึ้นครองราชย์ ชาวจีนฮั่นมีการสำรวจจำนวนประชากรพบว่า มีชาวฮั่นราว 800 หมื่นครัวเรือน หรือราวๆ 70 กว่าล้านคน อาณาจักรต้าหมิงกว้างใหญ่ ทิศเหนือติดมองโกล ทิศตะวันออกติดเกาหลี ตะวันออกเฉียงเหนือติดแมนจู ทิศใต้ติดเมี้ยวหรือม้งนั่นเอง



เรื่องราวของชนเผ่าม้งเริ่มต้นขึ้นที่นี่

พวกเมี้ยวในสมัยราชวงศ์หมิงมีประชากรไม่เกิน 2 ล้านคน อาณาจักรต้าหมิงทางทิศใต้ประกอบไปด้วย ยูนนาน ฮูนนาน เสฉวน มลฑลเหล่านี้มีอยู่จริง แต่ไม่ครอบคลุมพื้นที่ๆพวกเมี้ยวอาศัยอยู่ เช่น พวกเมี้ยวจะอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเขตติดต่อของยูนนาน เป็นต้น ชาวฮั่นในราชวงศ์หมิง เรียกตนเองว่า ชนพื้นราบ และเรียกพวกเมี้ยวและชนต่างเผ่าว่า ชนป่าเถื่อน พวกเมี้ยวในปี 1372 นั้นครอบครองพื้นที่ราบลุ่มและบ่อเงินที่สำคัญหลายแห่ง นิยมการประดับประดาร่างกายด้วยเครื่องเงิน นิยมการร้องรำทำเพลง สรวลเสเฮฮา ดื่มเหล้า และเชี่ยวชาญยาพิษเป็นอย่างมาก อันเป็นเหตุให้มีการกล่าวขานกันมาจนถึงทุกวันนี้ ( ยาพิษในหนังจีนเรื่องเดชคัมภีร์เทวดาก็เกี่ยวกับชนเผ่าเมี้ยวนี่แหล่ะ )

การที่พวกเมี้ยวมีอิสระเช่นนี้ เป็นผลพวงมาจากสมัยราชวงศ์หยวนของชนเผ่ามองโกลที่ขึ้นปกครองแผ่นดินของชาวจีนฮั่น ชาวมองโกลแม้จะป่าเถื่อนและโหดร้าย แต่กับชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน กลับไม่อยู่ในข่ายความต้องสงสัยของมองโกลว่าจะเป็นภัยคุกคามแก่พวกตนแต่อย่างใด ดังนั้นชนกลุ่มน้อยโดยส่วนใหญ่จึงมีอิสรภาพในการจะครอบครองพื้นทีทำมาหากินเดิมของตน และอยู่กันอย่างเรียบง่าย เว้นแต่วันดี คืนดี พวกมองโกลจะส่งคนมาขอเสบียงระหว่างการทำศึกกับชาวฮั่น

ปี 1369 เริ่มศักราชหย่งเล่อ ราชสำนักหมิงได้ส่งผู้แทนพระองค์มาทำการสำรวจพื้นที่ในเขตมณฑลเสฉวน ยูนนาน ฮูนนาน ไกวเจา เพื่อจะแต่งตั้งผู้ตรวจการประจำมลฑลเข้ามาทำหน้าที่แทนพวกมองโกล ( แต่เดิมมองโกลปกครองหัวเมืองเหล่านี้โดยการแต่งตั้งให้ 1 หัวเมืองมี 1 แม่ทัพภาคของมองโกลประจำการ ) และปลายปี 1370 มลฑลต่างๆ เหล่านี้ก็ถูกจัดระเบียบการปกครองตามแบบฉบับราชวงศ์หมิงเป็นที่เรียบร้อย ( ไม่นับรวมชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่มีอาณาเขตติดกับมณฑลเหล่านี้ เช่น เมี้ยว เป็นต้น )

เดือน 8 ปี ค.ศ. 1368 จูหย่วนจาง หรือ ฮ่องเต้หมิงไท่จง ( หรือจู่ ) ได้ขับไล่ชาวมองโกลออกไปจากแผ่นดินจีนฮั่นจนหมดสิ้น และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งต้าหมิง ( ราชวงศ์หมิง ) และสถาปนาเมืองหลวงขึ้นที่นานกิง ช่วงแห่งการเปลี่ยนขั้วการปกครองนั้น หมิงไท่จงได้เปลี่ยนแปลงระบบการปกครองใหม่จนหมดสิ้น อาทิยกเลิกตำแหน่งใหญ่ๆ เช่น เสนาบดี เป็นต้น มีการประหารชีวิตผู้นิยมมองโกลเป็นจำนวนมาก มีการประหารชีวิตเหล่าขุนนางเก่าแห่งราชวงศ์หยวนให้สิ้นทั้งตระกูล ประชาชนที่ถูกสังหารโหดในครั้งนั้นมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ส่วนเหล่าขุนนางและคนในตระกูลถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่โหดเหี้ยมครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์จีน (ไม่ขอสาธยายยาว)

และแล้วความอิสระของชนเผ่าเมี้ยวก็เริ่มถูกคุกคาม

ปี ค.ศ. 1375 ศักราชหย่งเล่อปีที่ 7 เดือน 4 ผู้ตรวจการประจำมลฑลฮูนนาน ( ผู้ตรวจการท่านนี้ในบันทึกมีชื่อว่า เหลียงหวังเว่ย ) ได้ทำเรื่องไปยังราชสำนักหมิงว่า พื้นที่ทางตะวันออกของมลฑลฮูนนานนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่าชุกชุน อีกทั้งยังมีบ่อเงินอีกมากมายหลายแห่ง แต่ไม่อาจเข้าไปสำรวจและตั้งรกรากให้กับชาวฮั่นได้ เพราะที่นั่นเป็นที่อาศัยของชนป่าเถื่อนที่เรียกตัวเองว่า เมี้ยว

ราชสำนักหมิงอนุญาตให้เหลียงหวังเว่ยนำชาวฮั่นไปอยู่รวมกับพวกเมี้ยวเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนสินค้าที่มีประโยชน์ในเขตของพวกเมี้ยว

และในช่วงปี 1376 เหลียงหวังเว่ย ได้ส่งราษฎรชาวฮั่นให้เข้ามาอาศัยอยู่กับพวกเมี้ยวในเขตทางทิศตะวันออกของฮูนนาน โดยชาวฮั่นกลุ่มแรกที่เข้ามานั้น ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า แม่ขาย เพื่อหวังแลกเปลี่ยนทำการค้ากับชาวเมี้ยว แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากวัฒนธรรมของเมี้ยวกับชาวฮั่นนั้นแตกต่างกัน ทำให้เกิดความไม่พอใจระหว่างชาวเมี้ยวกับชาวฮั่นเป็นระยะๆ

ศักราชหย่งเล่อปีที่ 12 ก็เกิดเหตุอันน่าสลดใจขึ้น เมื่อชาวฮั่นในหมู่บ้านหลี่เทียนอันกล่าวหาว่า พวกเมี้ยวลักลอบขโมยม้าของกองคาราวานพ่อค้าชาวจีนที่เดินทางมากับผู้แทนพระองค์จากเมืองนานกิง เรื่องนี้ทำให้มีตัวแทนเมี้ยวเข้าไปร่วมเจรจาความว่า เมี้ยวไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ศาลชาวฮั่นไม่รับฟัง และมีคำสั่งให้ประหารตัวแทนม้งคนนั้นต่อหน้าตัวแทนพระองค์แห่งต้าหมิงทันที

เหตุครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำชาวม้งในเขตฮูนนานเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่ปรึกษากันแล้วก็เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ

ศักราชหย่งเล่อปีที่ 12 เดือน 7 เหลียงหวังเว่ย ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังราชสำนักหมิงว่า พวกเมี้ยวคิดเป็นกบฎต่อราชสำนัก โดยได้ทำการสังหารผู้แทนพระองค์ในการออกตรวจราชการประจำหัวเมืองในเขตมลฑลฮูนนาน ( นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้ตรวจการหรือผู้แทนพระองค์ไม่ได้ถูกพวกเมี้ยวสังหาร แต่ถูกเหลียงหวังเว่ยฆ่า แล้วรายงานไปยังราชสำนักเพื่อหวังปราบพวกเมี้ยวในเขตของตนให้สิ้น )

จากรายงานของเหลียงหวังเว่ย ทำให้ฮ่องเต้หมิงไท่จงทรงเริ่มครุ่นคิดถึงชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน แต่พระองค์ยังไม่ทรงตัดสินพระทัยว่าจะทรงทำเช่นไร เพราะว่า สถานการณ์ภายในของราชวงศ์หมิงยังไม่มั่นคงพอ แต่เพราะสาเหตุนี้เอง ที่ทำให้ชาวเมี้ยวต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าอนาถในภายภาคหน้า
ที่มา www.tojsiab.com

7 ความคิดเห็น:

  1. โอ้ะโอ...มาหลบอยู่นี่เอง
    หาไม่เจอตั้งนานแน่ะ

    ข้อมูลทั้งหมดที่ได้รวบรวมมาน่าสนใจนะคะ
    เอามาลงเยอะๆนะ
    เดียวจะมาช่วยเก็บเกี่ยวความรู้ไปให้ที่บ้าน...เทียนพี่กำลังเริ่มจะส่องสว่างๆแล้ว..
    เป็นกำลังใจให้นะ...เต็มที่เลย

    ในนี้พื้นที่เยอะจริงๆนะ
    เล่นเหมือนเวปไซต์เลยก็ได้เน้อ

    ตอบลบ
  2. ใช้เเล้วน้องเรนพี่มาหลบที่นี้ได้สักพักเเล้วล่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ28 กันยายน 2554 เวลา 18:56

    ในที่สุดก็รู้แล้วว่ารากเหง้า ว่า รุ่นปู่ของเรามาจากไหน
    แต่ ขอถามหน่อยคับว่า เอาข้อมูลมาจากที่ไหนคับ ขอร้อง สำคัญต่อผมจิง ๆ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ22 มกราคม 2555 เวลา 14:37

    ผมดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนม้ง ในความคิดความฝันของผม คืออยากให้คนม้งทั่วโลกรักกัน สามัคคีกันร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของเราเอกไว้ให้นานเท่านาน มิเช่นนั้นต่อไป จะไม่มีอะไรมาโชว์ให้เผ่าพันธุ์อืนดูว่า เราเป็นคนม้ง แต่ไม่ม่อะไรเป็นของม้งเลย มันก้น่าอายนะ
    ผมเป็นม้ง ผมก็ต้องรักคนม้ง และจะขอพัฒนาศักยภาพเด็กม้งให้สูงขึ้นต่อไป จะขอพาชื่อเสียงม้งให้ขจรก้าวไกลเท่าที่ผมจะทำได้คับ

    sau npe Abyim xeemvaj

    ตอบลบ
  5. ชาวม้งทุกคนมีความคิดเเละความรู้สึกเช่นเดียวกับคุณครับ ขอให้อย่าลืมตัวตนเเละร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมชาวม้งไปพร้อมๆกับความเจริญของโลกนี้

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ14 พฤษภาคม 2555 เวลา 08:56

    I am proud to be hmong, however we, the hmong have lost our land to the chinese and we still have about 7 millions hmong in china now. What should we do to claim our land back to our children. Please , help my hmong people.

    ตอบลบ
  7. แทงคิ้วสำหรับข้อมูล....

    ตอบลบ