วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

hmong noj peb caug





วันนี้วันที่ 16 ธันวาคม 2552 เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันพรุ่งนี้ เย็นนี้ทุกครอบครัวพี่น้องม้งทั่วประเทศคงมีความสุขกันถ้วนหน้าเพราะลูกๆหลานๆที่จากกันไปวันนี้เราได้มาพบกันเเล้วเพื่อต้อนรับปีใหม่ เเละมื้อเย็นนี้คงเอร็ดอร่อยกับเมนูไก่ต้มเกลือพริกไทย ซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียวที่ว่าอร่อยเเน่นอนว่าไก่ต้มก็อร่อยเเล้ว เเต่เมื่อได้เห็นญาติพี่น้องมาร่วมโต๊ะด้วยกันเเล้วมันเป็นมื้อที่อร่อยวิเศษที่สุด ในวันนี้เคร้ดลับเเละความสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความโชดดี มีโชดลาภ เเละความสำเร็จนั้นในปีใหม่นี้ เเละเย็นนี้เองเราได้ผู้เฒ่าผู้เเก่มาเปิดเผยให้พวกเราลูกหลานได้รับรู้ถือได้ว่าโชดจากผู้เฒ่าคนนี้อยู่ที่ว่าใครจะนำไปปฎิบัติเเค่นั้นเอง พี่น้องม้งคงอยากจะทราบกันเเล้วใช่ไหมครับ บางคนก็อาจจะรู้เเล้วเเต่บางท่านอาจยังไม่รู้ ครับผู้เฒ่าท่านนี้ท่านบอกว่าใครที่อยากจะมีโชดลาภในปีใหม่ปีนี้นั้น คืนนี้เราต้องอยู่รอให้ถึงเทียงคืนในระหว่างนั้นต้องดูธูปเทียนที่จุดใว้บูชาบนโต๊ะหน้า (xwb kaab)สือก๊าง นั้นถ้าหมดก็ต้องคอยเปลื่ยนให้ จนกว่าจะถึงเทียงคืน 24.00 ให้เราออกไปข้างนอกบ้านเเล้วเคาะประตูบ้านบอกกับคนในบ้านว่า เปิดประตูให้หน่อยครับ คนในบ้างจะถามว่า มีอะไรไปใหนมา ให้เราตอบว่า ไปทำงานไปค้าขายมาได้เงินได้ทองมาเยอะเเยะเลย เเล้วเปิดประตู้เข้าไปในบ้าน ครับหลังจากคืนนี้เป็นต้นไปใครที่เฝ้ารอคืนนี้เเละปฎิบัติได้ดังนี ท่านจะพบกับความสำเร็จเเละความร่ำรวยครับ เเละคืนนี้ผมขอตัวไปเฝ้ารอปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ปีใหม่นี้ขอให้พี่น้องม้งโชดดีพบกับความสุขความเจริญร่ำรวยๆกันทุกคนครับ

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

zos 52 hmong laos new year 2009




วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชาวม้งมาทําพิธี ร่วมถวายพระพร ทรงหายประชวร


ชาวม้งทำพิธีกราบเทวดาฟ้าดิน ขอพรเบื้องบนตามแบบประเพณีชาวม้ง ที่หน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและร่วมถวายพระพร ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยเหลือคนไทยโดยไม่เลือกเผ่าพันธุ์เป็นเวลา 18 วันแล้วที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ พากันเดินทางมาลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประชวรและประทับที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยบรรยากาศของการลงนามถวายพระพรที่ศาลาศิริราช 100ปี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ยังคลาคล่ำไปด้วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ที่เดินทางมาลงนาม อาทิ คณะนักศึกษาปริญญาโทสาขาวิทยบริการ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช เด็กพิการจากสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองหญิง (บ้านราชาวดีหญิง) นักเรียนพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นพรัตน์วชิระ เจ้าหน้าที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร คณะนายทหารจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยาน และรักษาฝั่งฐานทัพเรือสัตหีบ นายปรีดา พูลคำ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 และคณะ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและผู้บริหาร เจ้าหน้าที่

เวลา 11.50 น. คณะนักจัดรายวิทยุคลื่น 95.5 เวอร์จิ้น เรดิโอ ไทยแลนด์ นำโดยดีเจบีม-ศรัญยู ประชากริช ร่วมลงนาม จากนั้นคณะผู้บริหารบริษัท เจเอสแอล โกลบอลมีเดีย จำกัด นำโดยนายปริพันธ์ หนุนภักดี รองประธานบริษัทฯ นายวัชระ แวววุฒินันท์ กรรมการ ผจก. และนางผุสชา โทณวนิก รอง ผจก.บริษัท เดินทางมาร่วม ถวายพระพร นางผุสชากล่าวว่า อยากให้ในหลวงทรงพระพลานามัยที่แข็งแรงและหายประชวรโดยเร็ว

ช่วงบ่ายพสกนิกรยังเดินทางมาลงนามอย่างต่อเนื่อง แม้จะเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก อาทิ นายชัยยศ ประไพพงษ์ นำคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 95 จังหวัดนนทบุรี นายอมร อภิธนาคุณ นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน และประธานชมรมรวมใจชาวไทยทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน นายสมชาย เอื้ออมรสุข นายกสมาคม อนุเคราะห์คลองเตยประเทศไทย ผู้แทน 16 ชุมชน เขตปทุมวันและคณะ นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดการทรวงการคลัง พร้อมลูกชายและลูกสะใภ้ ตัวแทนชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง จากตำบลเข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง จากบ้านกกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย นำโดยนายหน่อใจ แซ่หลอ และนายสุทธิเกียรติ ทรงอุดมรัตน์ ทำพิธีกราบเทวดาฟ้าเบื้องบน 2 ครั้ง ขอพร เบื้องบนตามแบบประเพณีชาวม้ง ที่หน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับกล่าวถวายพระพรเป็นภาษาม้ง ก่อนร่วมลงนามถวายพระพร

นายสุทธิเกียรติ ทรงอุดมรัตน์ อายุ 58 ปี ชาวเขาเผ่าม้งจากตำบลกกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย หรือสหายน้อมใจ อดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กล่าวว่า เมื่อก่อนหมู่บ้านตนเป็นเขตงานภูหินร่องกล้า ตนเคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และเกิดการปะทะกับทหารไทยในสมรภูมิภูขี้เถ้าเมื่อปี 2515 ถูกกับระเบิดขาขวาขาด ถูกส่งตัวไปรักษาอยู่ที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน และได้เป็นโฆษกสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย ภาคภาษาม้ง หลังจากเหตุการณ์สงบได้มอบตัวที่สถานทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2529 และได้รับพระราชทานขาเทียมจากมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังได้นำโครงการต่างๆ เข้าช่วยเหลือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยให้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงชีพ ด้วยพระเมตตาจึงขอเป็นตัวแทนชาวม้ง ถวายพระพรด้วยความซาบซึ้งในเมตตา

ด้านนายหน่อใจ แซ่หลอ อายุ 49 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง จาก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อดีตผู้ร่วมพัฒนา ชาติไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนกลุ่มเผ่าพันธุ์ม้ง รู้สึกเป็นห่วงพระองค์ ได้ขอพรต่อเบื้องบน ขอให้เทวดาฟ้าดินปกป้องให้ในหลวงพ้นจากภยันตราย พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อชาวม้งเป็นอย่างมาก โครงการต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นก็เพื่อคนไทยโดยไม่เลือกเผ่าพันธุ์ หรือศาสนาใดๆ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ชาวม้งได้รับการศึกษามีอาชีพเพราะพระองค์

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 ตุลาคม 2552

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตลาดเซ้าที่เวียงจันทร์




เมื่อสองปีก่อนเคยได้ฟังเพลงของนักร้องวงหนึ่งที่ดังมากที่ลาว เเต่จำไม่ได้เเล้วเพราะไม่ได้สนใจจังหวะเนื้อเพลงมากนัก จำได้เเต่ในมิวสิควิดิโอเพลงมีภาพตลาดเซ้า หรือตลาดเช้าเป็นร้านค้าขายพืชผัก ขายอาหาร หาบเเร่ ร้านขายเสื้อผ้า คิดว่าคงเป็นเหล่งท่องเที่ยวเหล่งหนึ่งที่ใครได้ไปเที่ยวเวียงจันทร์ก็ต้องไปที่ตลาดเช้าที่นี้ก่อนเลย
ครับเเละตอนนี้ผมก็ได้มีโอกาศไปเที่ยวมาเมื่อวันนี้เองครับ การเดินทางนั้นสามารทไปได้ด้วยตนเองเมื่อมาถึงหนองคาย ก็ทำหนังสือผ่านไปยังลาวโดยใช้พาสปอร์ค เเละถ้าไม่มีพาสปอร์ก็ทำหนังสือเดินทางชัวคราวได้ การทำหนังสือเดินทางชั่วคราวไม่ยุ่งยากเเค่ใช้บัตรประจำตัวประชาชนใบเดียวก็ทำได้เเล้ว ค่าบริการ 100 บาท หลังทำหนังสือผ่านเเดนเรียบร้อยเเล้วจะมีรถเมล์บริการพาข้ามสะพานมิตรภาพไปยังสปป.ลาวเมื่อไปถึงลาวก็ยื่นหนังสือเดินทางเเละชำระค่าค่าบริการ 40 บาทหลังจากนี้เราก็ไปเลยครับ จะนั้งสามล้อหรือเท็กซี่บอกว่าไปตลาดเซ้าประมาณ 20 นาทีก็ไปถึงครับ เเต่ตลาดเช้าที่เวียงจันทร์เดียวนี้ไม่เหมือนเเต่ก่อนเเล้ว ตลาดเช้าในวันนี้กลายเป็นเหล่งช็อปปิ้งสินค้าเเบรนเเนมชื้อดัง เเละสิ้นค้า IT โดยเฉพาะโทรศัพฑ์ราคาถูกมาก เเละเมื่อข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็มีร้านค้าจากพี่น้องม้งลาวขายเสื้อผ้าชาวม้ง เเละวิซิดีหนั่งม้งเพลงม้งใว้จำหน่ายมากมายครับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวนั้นก็ไม่เเพงเเละใช้เงินไทยได้โดยไม่ต้องเเลกเปลี่ยนก็ได้เเต่ถ้าใครจะเเลกเปลี่ยนเงินตราก็ดีเพราะถ้าใช้เงินไทยคนลาวจะคิดเเพงนิดหน่อย ใครที่คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวใหนดีก็ลองไปเวียงจันทร์นะครับใกล้ๆบ้านเรานี้เอง





วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ตลาดผ้าปักม้ง







ถ้าใครได้มาเที่ยวเชียงใหม่เเถวกาดหลวงก็จะมีตลาดม้ง ซึ่งมีสินค้าผ้าปักชาวเขามากมายใว้จำหน่ายทั้งปลีกเเละส่ง พ่อค้าเเม่ค้าส่วนมากเป็นม้งทั้งหมด ซึ่งการที่มีสินค้าผ้าม้งมาจำหน่ายที่นี้ทำให้เมืองเชียงใหม่มีสินค้าฝากนักท่องเทียวที่โดดเด่นก็คือ สินค้าจากผ้าม้งมีการเเปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า หมวก และอื่นๆอีกมากมายล้วนเเล้วเเต่ทำจากผ้าปักม้ง ถ้าใครผ่านไปมาได้มาเที่ยวเชียงใหม่ก็เเวะมาอุดหนุน ซื้อเป็นของฝากได้ หรือใครที่คิดจะค้าขายผ้าม้งมาติดต่อโดยตรงที่ ตลาดม้งแห่งนี้นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

เทศกาลเที่ยวไทย ๕ ภาค @ สีสัน..สวรรค์ภาคกลาง” จ.พระนครศรีอยุธยา




การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญนักท่องเที่ยวและผู้สนใจร่วมเที่ยวงาน“เทศกาลเที่ยวไทย ๕ ภาค @ สีสัน..สวรรค์ภาคกลาง” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 กันยายน 2552 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา งาน “เทศกาลเที่ยวไทย ๕ ภาค @ สีสัน..สวรรค์ภาคกลาง” จัดขึ้นในรูปแบบการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค กิจกรรมส่งเสริมการขาย (Consumer Fair) โดยมีผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวจากทั้ง 5 ภาคมาร่วมออกบูธเสนอสินค้าบริการในราคาพิเศษ พร้อมจัดให้มีการเจรจาธุรกิจ (Table Top Sale) ระหว่างกัน นอกจากนี้ยังได้คัดสรรสุดยอดแหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรมการแสดงที่โดดเด่น การจำหน่ายสินค้าโอทอป อาหารและผลไม้พื้นเมือง นิทรรศการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งกิจกรรมบันเทิงหลากรูปแบบ ตลอดการจัดงาน อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรมจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ (จ.กาฬสินธุ์ โคราช ร้อยเอ็ด) มินิคอนเสิร์ตจาก กุ้ง สุธิราช นกน้อย อุไรพร และพี สะเดิด เป็นต้น ทั้งยังสามารถเที่ยวชมสถานที่ต่างๆภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ หมู่บ้าน 4 ภาค วังปลา สวนนก และตำหนักเจ้าแม่กวนอิม

เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเข้าชมงาน ททท. ได้จัดรถปรับอากาศให้บริการรับ – ส่งจากบริเวณสถานีตำรวจย่อยบางซื่อ สวนจตุจักร (อยู่ตรงข้ามกรมการบินพลเรือน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต) ไปยังศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน โดยจะให้บริการทุกครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 9.30 น. – 16.30 น. และกลับจากบริเวณงาน มายังบริเวณสวนจตุจักรทุกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 20.00 น. รวมทั้งรถตู้ให้บริการรับ-ส่ง จากบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลพระนครศรีอยุธยา (ตลาดเจ้าพรหม) ไปยังศูนย์ศิลปาชีพบางไทร วันละ 4 เที่ยว ขาไป เวลา 09.00 น. 13.00 น. 15.00 น. และ 21.00 น. ขากลับจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มายังบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลพระนครศรีอยุธยา เวลา 12.00 น. 14.00 น. 16.00 น. และ 21.00 น. (ไม่เสียค่าบริการ)
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานพระนครศรีอยุธยา โทร. 035- 246076, 035-246077 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย โทร. 1672

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

ของดีฝีมือชาวบ้าน



ที่เขียนว่า ของดีฝีมือชาวบ้านนั้น เพราะหลังจากว่างจากการจำหน่ายสินค้าเเล้วพอมีเวลาเล็กน้อยได้ไปเดินดูบูธต่างๆเห็นบูธหนึ่งน่าสนใจ เพราะภาพที่เเขวนโชว์เป็นรูปคล้ายๆจิตรกรรมฝาผนังหรือโบราณวัตถุซึ่งมองดูเเล้วมีคุณค่ายิ่งนัก ท่านใดที่สนใจอยากเป็นเจ้าของก็ไปหาซื้อได้ตามงานมหกรรมสินค้าภูมิปัญญาไทยหรือOTOPต่างๆที่ตอนนี้รัฐบาลกำลังสนับสนุนอยู่ครับ



วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

บ้านเชียง


ใหนๆก็มาถึงอุดรเเล้ว ก็เลยอยากจะเเนะนำสถานที่ทางโบรานคดีอย่างบ้านเชียง ให้เพื่อนๆรู้จักครับ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ตั้งอยู่ที่บ้าน เชียง ตำบลบ้านเชียง แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้าอยู่ใน
บริเวณวัดโพธิ์ศรีในเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรก ใน-ประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณ
คดีที่ ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้น- ดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุซึ่งส่วนใหญ่ เป็นภาชนะเผาที่ฝัง
รวมกับศพ ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่ จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่ แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุและ นิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้นภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ การเดิน ทาง
ไปยังพิพิธ-ภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22 (อุดรธานี-
-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปาก ทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข2225 อีกประมาณ 6
กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์ ตั้ง แต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนละ5 บาท

วัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยก่อนประวัติศาสตร์
บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งค้นพบว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยและที่ฝังศพของคนก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ
เมื่อราว 5,000 กว่าปีมาแล้ว มีความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีสูงมาแต่โบราณ ชาวบ้านเชียงโบราณเป็นชุมชนยุคโลหะที่รู้จักทำการ
เกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ นิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับจากสำริดในระยะแรก และรู้จักใช้เหล็กในระยะต่อมาแต่ก็ยังคงใช้สำริดควบคู่
กันไป
ชาวบ้านเชียงรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นภาชนะสีเทาทำเป็นลายขูดขีด ลายเชือกทาบ และขัดมัน รู้จักทำภาชนะดินเผาลายเขียนสี
รูปทรงและลวดลายต่าง ๆ มากมาย กรมศิลปากรได้ส่งเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบที่บ้านเชียงนี้ไปตรวจสอบคำนวนหาอายุโดยใช้วิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนส์
(Thermolumines Cense) ที่ห้องปฏิบัติการของพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ามีอายุประมาณ 5,000-7,000 ปี
ซึ่งเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่พบที่บ้านเชียงนี้ นับว่ามีอายุเก่าแก่กว่าที่ค้นพบที่ประเทศสาธารณรัฐจีน จากความเห็นและการสันนิษฐานของนายชิน
อยู่ดี ภัณฑารักษ์พิเศษของกรมศิลปากรได้ให้ความเห็นว่า “……..เป็นเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปเอเชียอาคเนย์……”
และอาจจะเก่าแก่ที่สุดในโลกก็เป็นได้

นอกจากนั้นชาวบ้านเชียงโบราณยังรู้จักทำเครื่องจักสาน ทอผ้า มีประเพณีการฝังศพ ฝังสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร รวมกับศพเป็นการอุทิศให้กับผู้ตาย
สิ่งของที่เป็นโบราณวัตถุ ซึ่งได้จากการสำรวจรวบรวมและขุดค้นที่บ้านเชียงรวมแหล่งใกล้เคียง เช่น ขวาน ใบหอก มีด ภาชนะดินเผา ทั้งที่เขียนสีและ
ไม่เขียนสี และดินเผา ลูกกลิ้งดินเผา แม่พิมพ์หินใช้หล่อเครื่องมือสำริดทำจากหินทราย เบ้าดินเผา รูปสัตว์ดินเผา ลูกปัดทำจากหินสี แก้วกำไล และ
แหวนสำริด ลูกกระสุนดินเผา ขวาน หินขัด และได้พบเศษผ้าที่ติดอยู่กับเครื่องมือสำริดแกลบข้าวที่ติดอยู่กับเครื่องมือเหล็ก เป็นต้น

ชุมชนบ้านเชียงในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นชุมชนเกษตรกรรมยุคโลหะมีความเจริญก้าวหน้ามานานแล้ว สามารถแบ่งลำดับขั้น
วัฒนธรรมสังคมเกษตรกรรมที่บ้านเชียงออกเป็น 6 สมัย โดยกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์วิธีคาร์บอน 14 ว่าวัฒนธรรมสมัยที่ 1 หรือชั้นดินล่างสุดของ
บ้านเชียงมีอายุประมาณ 5,600 ปีมาแล้ว จากการวิเคราะห์กระดูกสัตว์และเปลือกหอยทำให้มีความคิดว่า
คนก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียงในระยะแรกได้เลือกตั้งถิ่นฐานในบริเวณป่าที่ถูกถางมีการเลี้ยงสัตว์ และล่าสัตว์ด้วยพอถึงสมัยที่ 4 เมื่อราว 3,600
ปีมาแล้ว รู้จักใช้เครื่องมือเหล็กเลี้ยงควาย เพื่อช่วยในการทำนาในสมัยที่ 5 เมื่อราว 3,000 ปีมาแล้ว มีการทำภาชนะดินเผาลาย

เขียนสีลงลายและรูปทรงหลายแบบ พอถึงสมัยที่ 6 จึงทำแต่ภาชนะดินเผาเคลือบสีแดงหรือเขียนสีบนพื้นสีแดง ทำเครื่องประดับที่มีส่วน
ผสมของโลหะที่มีความวาวมากขึ้น กำหนดอายุได้ราว 1,700 ปีมาแล้ว จากการค้นพบแกลบข้าวที่ติดอยู่กับเครื่องมือเหล็ก การค้นพบเครื่องมือสำริด
แม่พิมพ์เครื่องมือสำริด เบ้าดินเผาทำให้สามารถกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมบ้านเชียงมีความเจริญก้าวหน้าสูง รู้จักการใช้โลหะกรรมหล่อหลอมสำริดและ
ปลูกข้าวที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่น้อยกว่า 5,000 ปีมาแล้ว มีความเจริญทางวัฒนธรรมไม่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ กล่าวคือขณะที่พวกที่อาศัย
อยู่ทางแควน้อยและแควใหญ่ของจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ 3,700 ปี ใช้หินเป็นเครื่องมือและใช้หินกระดูกสัตว์และเปลือกหอยเป็นเครื่องประดับนั้น

พวกที่อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมีความเจริญรุดหน้ากว่ารู้จักใช้สำริดมาทำเป็นเครื่องประดับและรู้จักใช้เหล็กทำเป็นเครื่องมือ…...”
ซึ่งข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้นตรงกับข้อสันนิษฐานของศาสตราจารย์ ดร. โซเฮล์ม (DR. W.G.SOLHEIM) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวายประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ได้ให้ความเห็นว่า

“……..ความเจริญทางวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าได้มีการใช้สำริดทำกันใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยก่อนแหล่งอื่นในโลกภาคตะวันออก คือประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตศักราช คือประมาณ 4,472 ปีมาแล้ว ใกล้
เคียงกับเวลาที่ใกล้ที่สุดที่อาจเป็นไปได้ ที่บ้านเชียง……..”

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

ไปเที่ยวOTOPที่อุดร


ไปเที่ยวเเละไปขายกันอีกเเล้วครับ สำหรับงานโอทอปครั้งนี้ จัดขึ้นที่อุดรธานี เหตุทีจัดที่อุบลเพราะที่เมืองอุดรเป็นเมืองที่ใหญ่เเละเศษฐกิจที่นีเจริญเติบโตมาก มีห้างต่างๆอยู่มากไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟู ฯ เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อุดรธานีอยู่ห่างจากหนองคายเพียง 50 กว่ากิโลเองครับ ซึ่งหนองคายนั้นก็มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่คนไทยเเละคนลาวใช้สัญจรไปมาเเลกเปลี่ยนค้าขายกันสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ทั้งสองจังหวัดที่นี่ระบบเศษฐกิจเจริยเติบโตอย่างรวด
เร็ว จึงไม่น่าเเปลกใจที่กรมพัฒนาชุมชนจะจัดมหกรรมสินค้าภูมิปัญญา 4 ภาคขึ้นที่นี่ เพื่อเป้นการกระตุ็นเศษฐกิจระดับฐานรากของประเทศจะส่งผลให้เศษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้นได้ ก็เชิญชวนพี่น้องจังหวัดอุดรเเละจังหวัดใกล้เคียงมาเลือกซื้อสิ้นค้าภูมิปัญญาไทย จาก 76 จังหวัดกันได้ที่นี่จังหวัดอุดรธานีกันได้ครับ

ผ้าปักม้งก็มาให้เลือกซื้อกันครับ
เเกะสลักไม้กันให้เห็นๆ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เเหล่งทุนธุรกิจขนาดกลางเเละขนาดย่อม

ใครที่คิดอยากจะทำธุรกิจส่วนตัว คิดได้ว่าจะทำอาชีพอะไรเเต่ไม่มีเงินทุน วันนี้จะพาไปรู้จักเเหล่งเงินทุนที่ให้สินเชื่อเเก่ธุรกิจขนาดกลางเเละขนาดย่อม หรือ SME

คือธุรกิจที่ทำคนเดียวหรือ 2คนขึ้นไปอาจจะเป็นกลุ่มอาชีพก็ได้ ก็สามารทขอสินเชื่อได้ที่ SME bank เเละในช่วงนี้กลุ่มโอทอปก็ขอได้เช่นกัน
สินเชื่อโครงการ OTOP
วัตถุประสงค์การกู้ยืม

1. เพื่อขยายกิจการ/ปรับปรุงกิจการหรือสถานประกอบการ
2. เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต/การตลาด หรือช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า
3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ OTOP
4. เพื่อเป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการ

คุณสมบัติผู้กู้

บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ OTOP ที่มีหนังสือรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จาก กรมการพัฒนาชุมชน สสว. , กสอ. , อบต., อบจ. ,ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับ OTOP
กรณีนิติบุคคล ต้องมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50

อัตราดอกเบี้ย

* อัตราดอกเบี้ย MLR+1.0% ต่อปีกรณีค้ำประกันไขว้
* อัตราดอกเบี้ย ไม่ต่ำกว่า MLR+2.0% ต่อปี ี

หลักประกัน และ การค้ำประกัน

* บุคคลธรรมดา/นิติบุคคลค้ำประกัน
1. ข้าราชการ ,พนง.รัฐวิสาหกิจ ค้ำประกันได้ไม่เกิน 2 เท่าของเงินเดือน
2. พนง.บริษัทเอกชน ,ผู้มีอาชีพอิสระค้ำประกันได้ไม่เกิน 1.5 เท่าของเงินเดือน
3. นิติบุคคลค้ำประกันได้ไม่เกินร้อยละ 80 ของส่วนผู้ถือหุ้น
* กรณีค้ำประกันไขว้ บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล
1. ต้องยื่นกู้พร้อมกันในวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท/ราย
2. ต้องได้รับมาตรฐาน OTOP 4-5 ดาว หรือ OPC หรือ มผช.

ระยะเวลากู้ยืม

ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี
ท่านใดที่สนใจก็ไปขอใช้บริการได้ครับ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บรรยกาศในงาน OTOP midyear 2009

วันนี้มาดูบรรยกาศในงานOtop ช็อปช่วยชาติกันนะครับ วันนี้เป็นวันที่3เเล้วผู้คนเข้ามาจับจ่ายซื้อขายสิ้นค้าโอทอปกันเป็นจำนวนมาก สิ้นค้าโอทอปนั้นเป็นงานฝีมือราคาไม่สูงเเละไม่เเพงมาก ก็เป็นการมาอุดหนุนกลุ่มโอทอปเพื่อที่เงินทองจะได้กระจ่ายสู่ชนบท เเละหมุ่นเวียนกันในประเทศเศษฐกิจจะได้ฟื้นเร็วๆครับ เเละในงานนี้ยังมีการให้บริการ การฝึกอาชีพในโครงการต้นกล้าอาชีพ ใครที่ว่างงานอยากมีอาชีพเสริมก็มาสมัครเรียนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ



มุมนี้บริการอินเตอร์เน็ตฟรี