วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
การต่อเน็ตด้วยมือถือ
เดียวนี้พี่น้องม้งเราเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น เเต่ส่วนใหญ่เเล้วพวกเราจะใช้ตามร้านหรือหรือในเมืองใหญ่ที่อินเตอร์เน็ตเข้าไปถึง เเต่อย่างชนบทบ้านเราโทรศัพท์บ้านยังเข้าไปไม่ถึง บางครั้งเราอยากให้พ่อเเม่พี่น้องม้งได้รู้เรื่องราวสิ่งต่างๆที่เราพบเจอในอินเตอร์เน็ตให้พวกเขาได้รู้บางก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีอินเตอร์เน็ตวันนี้ก็เลยอยากเขียนเรื่องการต่อเน็ตด้วยมือถือเพื่ออาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้ครับ
เริ่มกันเลยนะครับ
อุปกรที่ต้องใช้ คือ
1 โทรศัพท์ nokia ของคุณ ของยี้ห้ออื่นก็ได้ถ้ามี GPRS
2 สายเชื่อมต่อ dku2 ซึ่งแถมมากับโทรศํพท์
3 แผ่นโปรแกรม pc suite มันก็แถมมากับโทรศัพท์อีกเหมือนกันครับ
การเชื่อมต่อนะครับ
1 ลงโปรแกรม pc suite ให้เสร็จเรียร้อยอย่าเพิ่งต่อโทรศัพท์ระหว่างลงโปรแก รมนะครับเดียวจะเป็นเรื่อง
2 หลังจากลงเรียบร้อยแล้วก็ต่อสาย dku2 เข้ากับโน็ตบุคหรือคอม รอสักครู่มันจะทำการถ่ายโอนไดร์เวอร์โมเดม
และเชื่อมต่อเมื่อเชื่อมต่อแล้วเราจะเห็นไอคอนรูปโทร ศัพท์ที่ มุมลางขวาแถบนาฬิกาครับมันจะขึ้นว่าเชื่อมต่อกับโทรศ ัพท์
แล้วแต่รุ่นนะครับ แล้วแต่ว่าเราใช้รุ่นอะไรมันก็จะขึ้นบอกจากนั้นพักไว ้ก่อน ยังไม่ต้องทำอะไรครับ
3 เรามาตังค่่าคอมก่อนนะครับโดยเปิดไปที่ control panel แล้วมองหาไอคอน ชื่อ phon and modem แล้วเข้าไปในหัวข้อนี้ครับ
เพื่อตังค่า area code เป็น 66 ถ้ามีอยูิ่แล้วก็ผ่านเลยครับปิดหน้าจอตัวนี้ได้เลยคร ับ
4 การตังค่าที่โปรแกรม pc suite นะครับโดยเริมทีคลิ้กขวาที่ไอคอนรูปโทรศัพท์ที่หน้าจ อที่อยู่บริเวณมุมขวาลางแถวๆนาฬิกา
จะมีตัวเลือกขึ้นมาบานเลยให้มองหาหัวข้อที่ว่า เชื่อมต่ออินเทอร์เนต แล้วคลิ๊กเข้าไปเลยครับ จะเกิด pop upขึ้นมาว่า one touch acceaa
มันจะเชื่อมต่อทันทีครับแต่เราไม่ต้องสนใจครับให้มอง หา หัวข้อที่ชื้อว่า กำลังตั้งค่า แล้วก็คลิ๊กเข้าไปเลยครับ ก็จะเจอ หน้าต่างชื่อ one touch access wizard
ในช่องว่าเราจะเห็นชื่อของโทรศัพท์ที่เราใช้เชื่อมต่ อโมเดมครับ ไม่ต้องทำอะไรครับหน้านี้ คลิ๊ก ที่ถัดไป ได้เลยครับ
จากนั้นเราจะพบ หัวข้อ เลื่อกผู้ให่บริการเครือขาย ก็เลือกที่หัวข้อ เลือกผู้ให้บริการเครือขายจากรายการ แล้วก็ติ๊กตรงช่องเล็กๆอ่ะครับแล้วเลือนลงมาเรื่อยๆจ นกว่า
จะพบ ais thailand ก็คลิ๊กเลยครับแต่ถ้าใช้ซิม dtac ก็เลือนลงมาอีกที่ dtac thailand ส่วนorange ก็เลือกที่orange thailand ครับ
จากนั้นก็เป็นที่เรียบร้อยครับคลิ๊กเสร็จได้เลยครับม ันก็จะกลับมาหน้าจอแรกเลยครับ คลิ๊กที่เชื่อมต่อได้เลยครับ แล้วรอสักแป็ปครับ ตัว one touch accessจะยุบลงไปเองไม่ต้องปิดครับปล่อยเอา
เรียบร้อยครับผมว่าน่าจะเชื่อมต่อได้แล้วนะครับใช้ได ้ทังคอมและโน็ตบุคครับ
ปล. อีกนิดครับเมื่อเชื่อมต่อแล้วมันจะขึ้นหัวข้อเล็กๆตร งมุมล่างขวานะครับใหเราคลิ๊กดูครับเราจพบหัวข้อการเช ื่อมต่อครับแล้วเลือกที่
properties จะไปอีกหน้า แล้วเลือกที่ configure จะพบหัวข้อ modem configuration แล้วเลือกที่ช่อง
maximum speed(bps) ให้เราเลือกความเร็วที่ 921600 จากนั้นก็กด ok แล้วyesอีกครั้งครับจากนั้นการเชื่อมต่อ
ครังต่อไปของเราจะได้ความเร็วที่ 921.6 kbpsครับ
สำหรับผูที่อยู่ไกลสายโทรศัพท์หรือโน๊ตบุคที่ต้องออก นอกสถานที่ครับเพื่อมีประโยชน์ครับลองกันดูนะครับ
การต่อเน็ตด้วยมือถือไม่ต้องทำอะไรที่โทรศัพท์เลยครั บแค่สมัครแพ็คเก็ตรอไว้อย่างเดียวพอเลยครับ
สำหรับผมใช้ ซิม aisครับก่อนต่อเน็ตก็โทรสอบถามอัตราค่าบริการจากศูนย ์กันก่อนนะครับ
เริ่มกันเลยนะครับ
อุปกรที่ต้องใช้ คือ
1 โทรศัพท์ nokia ของคุณ ของยี้ห้ออื่นก็ได้ถ้ามี GPRS
2 สายเชื่อมต่อ dku2 ซึ่งแถมมากับโทรศํพท์
3 แผ่นโปรแกรม pc suite มันก็แถมมากับโทรศัพท์อีกเหมือนกันครับ
การเชื่อมต่อนะครับ
1 ลงโปรแกรม pc suite ให้เสร็จเรียร้อยอย่าเพิ่งต่อโทรศัพท์ระหว่างลงโปรแก รมนะครับเดียวจะเป็นเรื่อง
2 หลังจากลงเรียบร้อยแล้วก็ต่อสาย dku2 เข้ากับโน็ตบุคหรือคอม รอสักครู่มันจะทำการถ่ายโอนไดร์เวอร์โมเดม
และเชื่อมต่อเมื่อเชื่อมต่อแล้วเราจะเห็นไอคอนรูปโทร ศัพท์ที่ มุมลางขวาแถบนาฬิกาครับมันจะขึ้นว่าเชื่อมต่อกับโทรศ ัพท์
แล้วแต่รุ่นนะครับ แล้วแต่ว่าเราใช้รุ่นอะไรมันก็จะขึ้นบอกจากนั้นพักไว ้ก่อน ยังไม่ต้องทำอะไรครับ
3 เรามาตังค่่าคอมก่อนนะครับโดยเปิดไปที่ control panel แล้วมองหาไอคอน ชื่อ phon and modem แล้วเข้าไปในหัวข้อนี้ครับ
เพื่อตังค่า area code เป็น 66 ถ้ามีอยูิ่แล้วก็ผ่านเลยครับปิดหน้าจอตัวนี้ได้เลยคร ับ
4 การตังค่าที่โปรแกรม pc suite นะครับโดยเริมทีคลิ้กขวาที่ไอคอนรูปโทรศัพท์ที่หน้าจ อที่อยู่บริเวณมุมขวาลางแถวๆนาฬิกา
จะมีตัวเลือกขึ้นมาบานเลยให้มองหาหัวข้อที่ว่า เชื่อมต่ออินเทอร์เนต แล้วคลิ๊กเข้าไปเลยครับ จะเกิด pop upขึ้นมาว่า one touch acceaa
มันจะเชื่อมต่อทันทีครับแต่เราไม่ต้องสนใจครับให้มอง หา หัวข้อที่ชื้อว่า กำลังตั้งค่า แล้วก็คลิ๊กเข้าไปเลยครับ ก็จะเจอ หน้าต่างชื่อ one touch access wizard
ในช่องว่าเราจะเห็นชื่อของโทรศัพท์ที่เราใช้เชื่อมต่ อโมเดมครับ ไม่ต้องทำอะไรครับหน้านี้ คลิ๊ก ที่ถัดไป ได้เลยครับ
จากนั้นเราจะพบ หัวข้อ เลื่อกผู้ให่บริการเครือขาย ก็เลือกที่หัวข้อ เลือกผู้ให้บริการเครือขายจากรายการ แล้วก็ติ๊กตรงช่องเล็กๆอ่ะครับแล้วเลือนลงมาเรื่อยๆจ นกว่า
จะพบ ais thailand ก็คลิ๊กเลยครับแต่ถ้าใช้ซิม dtac ก็เลือนลงมาอีกที่ dtac thailand ส่วนorange ก็เลือกที่orange thailand ครับ
จากนั้นก็เป็นที่เรียบร้อยครับคลิ๊กเสร็จได้เลยครับม ันก็จะกลับมาหน้าจอแรกเลยครับ คลิ๊กที่เชื่อมต่อได้เลยครับ แล้วรอสักแป็ปครับ ตัว one touch accessจะยุบลงไปเองไม่ต้องปิดครับปล่อยเอา
เรียบร้อยครับผมว่าน่าจะเชื่อมต่อได้แล้วนะครับใช้ได ้ทังคอมและโน็ตบุคครับ
ปล. อีกนิดครับเมื่อเชื่อมต่อแล้วมันจะขึ้นหัวข้อเล็กๆตร งมุมล่างขวานะครับใหเราคลิ๊กดูครับเราจพบหัวข้อการเช ื่อมต่อครับแล้วเลือกที่
properties จะไปอีกหน้า แล้วเลือกที่ configure จะพบหัวข้อ modem configuration แล้วเลือกที่ช่อง
maximum speed(bps) ให้เราเลือกความเร็วที่ 921600 จากนั้นก็กด ok แล้วyesอีกครั้งครับจากนั้นการเชื่อมต่อ
ครังต่อไปของเราจะได้ความเร็วที่ 921.6 kbpsครับ
สำหรับผูที่อยู่ไกลสายโทรศัพท์หรือโน๊ตบุคที่ต้องออก นอกสถานที่ครับเพื่อมีประโยชน์ครับลองกันดูนะครับ
การต่อเน็ตด้วยมือถือไม่ต้องทำอะไรที่โทรศัพท์เลยครั บแค่สมัครแพ็คเก็ตรอไว้อย่างเดียวพอเลยครับ
สำหรับผมใช้ ซิม aisครับก่อนต่อเน็ตก็โทรสอบถามอัตราค่าบริการจากศูนย ์กันก่อนนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วิน นักมายาจิต
มายาจิตคืออะไร มายาจิตเป็นคำที่วินประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้เป็นชื่อการแสดงของเขา มันไม่ใช่ศาสตร์ใดๆ ในการแสดงนี้วินจะใช้การสั่งจิตใต้สำนึก, การสะกดจิต, หลักการวิทยาศาสตร์, จิตวิทยา และเทคนิคการแสดง ทำให้เกิดภาพลวงตาให้ดูเหมือนพ ลังจิต ทุกท่านอย่าลืมว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นแค่การแสดง ผมไม่มีพลังจิต และไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง เป้าหมายการแสดงของผมคือเพื่ความบันเทิงของทุกท่าน เมื่อท่านชมแล้วขอให้ถามตัวเองว่า คนที่อ้างว่า สามารถทำนายอนาคต หรือสามารถติดต่อกับวิญญานได้ หรือที่อ้างว่ามีพลังจิตเหล่านั้น เป็นความจริง หรือพวกเขาเป็นแค่นักแสดงคนหนึ่ง.
-การมีพลังที่จะควบคุมจิตใจของใครๆ
-การมีอำนาจทำนายสิ่งที่คนๆหนึ่งจะกระทำในอนาคต
-การมีอำนาจติดต่อกับคนตาย
-หรืออำนาจในการบำบัด
-การส่งพลังจิตไปให้อีกคนรู้สึก
-การขยับสิ่งต่างๆโดยใช้พลังจิต
-การลอยตัว
ทุกข้อที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าพลังเหนือธรรมชาติ หรือพลังจิต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันมีอยู่จริง ดังนั้นผมจึงขอเสนอสิ่งๆหนึ่งซึงเต็มไปด้วยพลังชีวิตและมีตัวตนอยู่จริง สิ่งนั้นคือ "ความรัก" สิ่งนี้มิได้เป็นเพียงแค่ความรู้สึก หรือเพียงยู่ในความคิด แต่มันบรรจุอยู่จริงในทุกสิ่งที่มีชีวิต วนเวียนโอบล้อมอยู่รอบตัวเรา คอยให้กำลังใจเรา ก่อให้เกิดความมุ่งมั่น จุดความคิดใหม่ๆให้เรา ความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนค้นหา ต้องการนำมาเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต และจะขาดมันไม่ได้
-ความรักจะให้อำนาจคนๆหนึ่ง ให้สามารถบังคับคนอีกคนหนึ่ง ให้ทำในสิ่งที่เขาเองไม่เคยคิดที่จะทำ
-ความรักจะทำให้เขารู้ความคิดของคนๆหนึ่ง และสามารถทำนายได้ว่าเขาจะทำอะไรในอนาคต
-ความรักมอบอำนาจให้เรา เพียงมองตากันและกัน ก็รู้ว่า อีกคนหนึ่งคิดอะไรอยู่โดยไม่ต้องมีการพูดจา..
-ความรัก แม้คนที่เรารักตายไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่มีต่อกัน และความทรงจำทุกอย่างก็จะยังคงอยู่ การพูดคุยติดต่อกันในความรู้สึก ก็คือการได้ติดต่อ...กับคนที่ตายแล้ว
-ความรัก เมื่อเขาป่วย หรือไม่สบาย แค่เพียงเราอยู่ใกล้เขา ให้ความรักกับเขา ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ทุกสิ่งก็จะผ่อนคลาย ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ดี แม้ในการเจ็บป่วยทางจิต การได้รับความรัก ความอบอุ่น อาการต่างๆก็จะบรรเทาไปได้
-ความรักจะสามารถถ่ายทอดเป็นพลังให้แก่กัน เพียงแค่มองตาและยิ้มให้กัน
-ความรักทำให้เราสามารถขยับความรู้สึกของคนที่เรารัก ไปในที่ๆเราต้องการ
-ความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกนี้คือ การที่เรารักใครและได้รับความรักกลับมา เมื่อใดที่เรารู้ถึงสิ่งนี้ เราจะรู้สึกว่าตัวเราจะเบาหวิวจนเหมือนลอยขึ้นได้
ตอนนี้เราก็พูดได้ว่า สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือพลังจิตก็คือ สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยพลังที่เรียกว่า"ความรัก"เมื่อมาถึงตรงนี้ ผมก็มีคำถามที่สำคัญที่สุดในจักรวาลผุดขึ้นมาคำถามนั้นก็คือ "รักคืออะไร?" เพียงแค่เราสามารถรู้สึกได้ว่ารักเป็นอย่างไร และทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ว่าเรารักเขา เพียงแค่นี้เราก็จะรู้สึกได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติที่สัมผัสได้ ไม่ต้องมีเครื่องรางของขลัง หรือว่าจ้างให้ใครมาทำนายอนาคต พยามนั่งสมาธิ หรือการถ่ายรูปเพื่อค้นหาแสงออร่า โดยท่านต้องเสียเวลา หรือเสียทรัพย์สินของท่านโดยเปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเบี่ยงเบนความสนใจของเราไปอีกด้านหนึ่ง แทนที่เราจะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ความรักแก่คนรอบตัว และถ้าขณะนี้ท่านยยังจะถามผมว่าผมใช้พลังเหนือธรรมชาติใดในการแสดง ผมก็จะตอบว่าผมใช้ พลังอำนาจจากความรัก ในการแสดงของผมทุกครั้ง และในคำถามที่ว่า ความรักคืออะไร?????
จริงๆแล้วผมก็ยังไม่รู้คำตอบ แต่ผมก็ยังคงใช้ความพยายามในการค้นหาคำตอบอยู่ และเมื่อใดที่ผมได้คำตอบ ผมสัญญาว่าผมจะรีบกลับมาบอกกับทุกท่านต่อไปแล้วกัน..
สิ่งต่อไปนี้เพียงเป็นแค่ทฤษฎีวินเชื่อว่ามันไม่มีจริง
ที่มา http://www.maya-jid.com
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
การโหลด คริปจาก เวป youtube ครับ
การโหลดคริปจาก ยูทูป
1.เปิดเว็บ http://keepvid.com/ ขึ้นมาครับ
2.เปิดเว็บ http://kr.youtube.com/watch?v=d8YVt68AfcA&eurl=http://hmong21.blogspot.com/
3.คนหาเพลงที่ต้องการก็อปปี้ Ctrl+c URL ของยูทูปเอาไปวางในช่องว่าง แล้วก็โหลดลิ๊งค์ เซฟแอด
เเค่นี้เราก็จะได้ คริปที่ชอบจากยูทูปเก็บไว้ในเครื่องเเล้วครับ
1.เปิดเว็บ http://keepvid.com/ ขึ้นมาครับ
2.เปิดเว็บ http://kr.youtube.com/watch?v=d8YVt68AfcA&eurl=http://hmong21.blogspot.com/
3.คนหาเพลงที่ต้องการก็อปปี้ Ctrl+c URL ของยูทูปเอาไปวางในช่องว่าง แล้วก็โหลดลิ๊งค์ เซฟแอด
เเค่นี้เราก็จะได้ คริปที่ชอบจากยูทูปเก็บไว้ในเครื่องเเล้วครับ
วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ประวัติชาวม้งในช่วง 800 ปีที่ผ่านมา
แผ่นดินจีนกว้างใหญ่ มีประวัติการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจมาอย่างยาวนาน ชนเผ่าหลายๆ เผ่าที่เคยมีชื่อเสียงอยู่ในแผ่นดินเหล่านี้ได้สูญพันธุ์ไปหมดสิ้น ( ซยงหนู๋ ถั๋วป๋า ) และหนึ่งในชนเผ่าที่กำลังจะสูญสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ คือ ชนเผ่าเมี้ยว หรือแม้ว หรือม้งในปัจจุบันนั้นเอง
กาลเวลาผ่านไป เรื่องราวต่างๆ ถูกหลงลืมเหลือเพียงตำนานและนิยายปรัมปราเล่าให้ลูกหลานฟังสืบไป
“คนเราเกิดมาหากไม่รู้รากเหง้าตนเองแล้วจะยิ่งใหญ่ไปเบื้องหน้าได้อย่างไร”
“มีชาติถึงมีบ้าน” คำนี้นั้นจริงยิ่งสิ่งใด หลายร้อยปีผ่านไป ผู้เฒ่าผู้แก่ตายลงรุ่นต่อรุ่น ยังมิมีแผ่นดินให้ดำรงอยู่เพื่อสร้างบ้านของตนเอง มองดูช่างน่าอนาถใจ
ชาวเมี้ยวหรือม้งนั้นแต่เดิมมามีวัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อเป็นของตนเอง เผ่าพันธุ์ม้งนั้นมีประวัติและเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความเป็นชาติพันธุ์ แต่เสียดาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 800 ปี ที่ผ่านมานั้นช่างน่าเศร้า ประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 นั้น (สมัยราชวงศ์หมิง) มีกลุ่มคนต่างๆดังต่อไปนี้
1. ชาวฮั่น (ชาวจีนในปัจจุบัน) อาศัยอยู่ทางภาคกลางของประเทศจีนในปัจจบัน
2. ชาวแมนจู (หม่านโจวในภาษจีน แมนจูมีหลายชื่ออาทิ แมนโจว หม่านโจว หนี่โจว หนี่ชิง ชนแมนจูแต่เดิมชื่อเผ่าหนี่เจิน) อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนในปัจจุบัน แมนจูมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเพียงชนกลุ่มๆ เล็กที่มีประชากรเพียง 2 ล้านคน แต่สามารถปกครองชาวจีนฮั่นมากกว่า 100 ล้านคนในช่วงทศวรรษที่ 1644 – 1911
3. ชาวมองโกล อาศัยอยู่ทางเหนือของประเทศจีน หรือพื้นที่ในประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน
4. ชาวซีเซี้ย อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของราชวงศ์หมิงติดเขตแดนเผ่าหนี่เจินในช่วงศตวรรษที่ 12
5. ชาวเหลียว อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรซีเซี่ย
6. และชนเผ่าอันอยู่ใกล้เขตชาวฮั่น ได้แก่
· เมี้ยว อยู่ทางทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของราชวงศ์หมิง หรือพื้นที่มลฑลยูนนาน ฮูนนาน ไกวเจา เสฉวน ในปัจจุบันนั่นเอง
· อุยกูร อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของราชวงศ์หมิง
· จ้วง ทิศที่อยู่ในศตวรรษที่ 13 ไม่แน่ชัด
· หุย ทิศที่อยู่ในศตวรรษที่ 13 ไม่แน่ชัด
ปี ค.ศ. 1372 ศักราชหย่งเล่อปีที่ 4 หลังฮ่องเต้หมิงไท่จู่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงขึ้นครองราชย์ ชาวจีนฮั่นมีการสำรวจจำนวนประชากรพบว่า มีชาวฮั่นราว 800 หมื่นครัวเรือน หรือราวๆ 70 กว่าล้านคน อาณาจักรต้าหมิงกว้างใหญ่ ทิศเหนือติดมองโกล ทิศตะวันออกติดเกาหลี ตะวันออกเฉียงเหนือติดแมนจู ทิศใต้ติดเมี้ยวหรือม้งนั่นเอง
เรื่องราวของชนเผ่าม้งเริ่มต้นขึ้นที่นี่
พวกเมี้ยวในสมัยราชวงศ์หมิงมีประชากรไม่เกิน 2 ล้านคน อาณาจักรต้าหมิงทางทิศใต้ประกอบไปด้วย ยูนนาน ฮูนนาน เสฉวน มลฑลเหล่านี้มีอยู่จริง แต่ไม่ครอบคลุมพื้นที่ๆพวกเมี้ยวอาศัยอยู่ เช่น พวกเมี้ยวจะอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเขตติดต่อของยูนนาน เป็นต้น ชาวฮั่นในราชวงศ์หมิง เรียกตนเองว่า ชนพื้นราบ และเรียกพวกเมี้ยวและชนต่างเผ่าว่า ชนป่าเถื่อน พวกเมี้ยวในปี 1372 นั้นครอบครองพื้นที่ราบลุ่มและบ่อเงินที่สำคัญหลายแห่ง นิยมการประดับประดาร่างกายด้วยเครื่องเงิน นิยมการร้องรำทำเพลง สรวลเสเฮฮา ดื่มเหล้า และเชี่ยวชาญยาพิษเป็นอย่างมาก อันเป็นเหตุให้มีการกล่าวขานกันมาจนถึงทุกวันนี้ ( ยาพิษในหนังจีนเรื่องเดชคัมภีร์เทวดาก็เกี่ยวกับชนเผ่าเมี้ยวนี่แหล่ะ )
การที่พวกเมี้ยวมีอิสระเช่นนี้ เป็นผลพวงมาจากสมัยราชวงศ์หยวนของชนเผ่ามองโกลที่ขึ้นปกครองแผ่นดินของชาวจีนฮั่น ชาวมองโกลแม้จะป่าเถื่อนและโหดร้าย แต่กับชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน กลับไม่อยู่ในข่ายความต้องสงสัยของมองโกลว่าจะเป็นภัยคุกคามแก่พวกตนแต่อย่างใด ดังนั้นชนกลุ่มน้อยโดยส่วนใหญ่จึงมีอิสรภาพในการจะครอบครองพื้นทีทำมาหากินเดิมของตน และอยู่กันอย่างเรียบง่าย เว้นแต่วันดี คืนดี พวกมองโกลจะส่งคนมาขอเสบียงระหว่างการทำศึกกับชาวฮั่น
ปี 1369 เริ่มศักราชหย่งเล่อ ราชสำนักหมิงได้ส่งผู้แทนพระองค์มาทำการสำรวจพื้นที่ในเขตมณฑลเสฉวน ยูนนาน ฮูนนาน ไกวเจา เพื่อจะแต่งตั้งผู้ตรวจการประจำมลฑลเข้ามาทำหน้าที่แทนพวกมองโกล ( แต่เดิมมองโกลปกครองหัวเมืองเหล่านี้โดยการแต่งตั้งให้ 1 หัวเมืองมี 1 แม่ทัพภาคของมองโกลประจำการ ) และปลายปี 1370 มลฑลต่างๆ เหล่านี้ก็ถูกจัดระเบียบการปกครองตามแบบฉบับราชวงศ์หมิงเป็นที่เรียบร้อย ( ไม่นับรวมชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่มีอาณาเขตติดกับมณฑลเหล่านี้ เช่น เมี้ยว เป็นต้น )
เดือน 8 ปี ค.ศ. 1368 จูหย่วนจาง หรือ ฮ่องเต้หมิงไท่จง ( หรือจู่ ) ได้ขับไล่ชาวมองโกลออกไปจากแผ่นดินจีนฮั่นจนหมดสิ้น และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งต้าหมิง ( ราชวงศ์หมิง ) และสถาปนาเมืองหลวงขึ้นที่นานกิง ช่วงแห่งการเปลี่ยนขั้วการปกครองนั้น หมิงไท่จงได้เปลี่ยนแปลงระบบการปกครองใหม่จนหมดสิ้น อาทิยกเลิกตำแหน่งใหญ่ๆ เช่น เสนาบดี เป็นต้น มีการประหารชีวิตผู้นิยมมองโกลเป็นจำนวนมาก มีการประหารชีวิตเหล่าขุนนางเก่าแห่งราชวงศ์หยวนให้สิ้นทั้งตระกูล ประชาชนที่ถูกสังหารโหดในครั้งนั้นมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ส่วนเหล่าขุนนางและคนในตระกูลถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่โหดเหี้ยมครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์จีน (ไม่ขอสาธยายยาว)
และแล้วความอิสระของชนเผ่าเมี้ยวก็เริ่มถูกคุกคาม
ปี ค.ศ. 1375 ศักราชหย่งเล่อปีที่ 7 เดือน 4 ผู้ตรวจการประจำมลฑลฮูนนาน ( ผู้ตรวจการท่านนี้ในบันทึกมีชื่อว่า เหลียงหวังเว่ย ) ได้ทำเรื่องไปยังราชสำนักหมิงว่า พื้นที่ทางตะวันออกของมลฑลฮูนนานนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่าชุกชุน อีกทั้งยังมีบ่อเงินอีกมากมายหลายแห่ง แต่ไม่อาจเข้าไปสำรวจและตั้งรกรากให้กับชาวฮั่นได้ เพราะที่นั่นเป็นที่อาศัยของชนป่าเถื่อนที่เรียกตัวเองว่า เมี้ยว
ราชสำนักหมิงอนุญาตให้เหลียงหวังเว่ยนำชาวฮั่นไปอยู่รวมกับพวกเมี้ยวเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนสินค้าที่มีประโยชน์ในเขตของพวกเมี้ยว
และในช่วงปี 1376 เหลียงหวังเว่ย ได้ส่งราษฎรชาวฮั่นให้เข้ามาอาศัยอยู่กับพวกเมี้ยวในเขตทางทิศตะวันออกของฮูนนาน โดยชาวฮั่นกลุ่มแรกที่เข้ามานั้น ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า แม่ขาย เพื่อหวังแลกเปลี่ยนทำการค้ากับชาวเมี้ยว แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากวัฒนธรรมของเมี้ยวกับชาวฮั่นนั้นแตกต่างกัน ทำให้เกิดความไม่พอใจระหว่างชาวเมี้ยวกับชาวฮั่นเป็นระยะๆ
ศักราชหย่งเล่อปีที่ 12 ก็เกิดเหตุอันน่าสลดใจขึ้น เมื่อชาวฮั่นในหมู่บ้านหลี่เทียนอันกล่าวหาว่า พวกเมี้ยวลักลอบขโมยม้าของกองคาราวานพ่อค้าชาวจีนที่เดินทางมากับผู้แทนพระองค์จากเมืองนานกิง เรื่องนี้ทำให้มีตัวแทนเมี้ยวเข้าไปร่วมเจรจาความว่า เมี้ยวไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ศาลชาวฮั่นไม่รับฟัง และมีคำสั่งให้ประหารตัวแทนม้งคนนั้นต่อหน้าตัวแทนพระองค์แห่งต้าหมิงทันที
เหตุครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำชาวม้งในเขตฮูนนานเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่ปรึกษากันแล้วก็เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ
ศักราชหย่งเล่อปีที่ 12 เดือน 7 เหลียงหวังเว่ย ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังราชสำนักหมิงว่า พวกเมี้ยวคิดเป็นกบฎต่อราชสำนัก โดยได้ทำการสังหารผู้แทนพระองค์ในการออกตรวจราชการประจำหัวเมืองในเขตมลฑลฮูนนาน ( นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้ตรวจการหรือผู้แทนพระองค์ไม่ได้ถูกพวกเมี้ยวสังหาร แต่ถูกเหลียงหวังเว่ยฆ่า แล้วรายงานไปยังราชสำนักเพื่อหวังปราบพวกเมี้ยวในเขตของตนให้สิ้น )
จากรายงานของเหลียงหวังเว่ย ทำให้ฮ่องเต้หมิงไท่จงทรงเริ่มครุ่นคิดถึงชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน แต่พระองค์ยังไม่ทรงตัดสินพระทัยว่าจะทรงทำเช่นไร เพราะว่า สถานการณ์ภายในของราชวงศ์หมิงยังไม่มั่นคงพอ แต่เพราะสาเหตุนี้เอง ที่ทำให้ชาวเมี้ยวต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าอนาถในภายภาคหน้า
ที่มา www.tojsiab.com
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ปี่ใหม่ม้งปี 2530/hmong peb caug xyoo 1987
hmong new year 1987 part1
hmong new year 1987 part2
hmong new year 1987 part3
hmong new year 1987 part5
hmong new year 1987 part2
hmong new year 1987 part3
hmong new year 1987 part5
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันนี้ laib laus ประสบความสำเร็จเเล้วน่ะ
หลังเลิกจากการไปไร่ไปสวนมา เเละเสร็จสิ้นจากกิจกรรมภาระต่างๆในชีวิตประจำวันประมาณ 2 ทุ่ม เราจะได้ยินเสียงเพลงม้งพร้อมกับการดีดกีต้า หน้าบ้านของเขาหนุ่มๆหรือผู้ผ่านไปมาต้องหยุดฟังเสียงของเขาเเม้คนเฒ่าคนเเก่ละเเวกนั้นไม่ชอบนักเเต่สำหรับผมเเละเพื่อนๆเเล้วต้องหยุดฟังเสียงเพลงที่เขาร้องเเละเเต่งเอง ลูกคอของเขาที่ ทุ่มเเละเสียงนักเสียงสูงเขาเล่นได้ไม่ยากเพราะพรสวรรคด้านเสียงของเขา ผมคิดอยู่ในใจสักวันหนึ่งเขาต้องเป็นนักร้องที่โด่งดังเเน่ สมัยนั้นวงดนตรีเมฆขาวกำลังดังเเละเเละเป็นที่รู้จักของม้งทั่วไป หลังจากนั้น 2 ปีเพื่อนผมได้นำเทปการร้องของเพื่อน naisเเละ xyoojชุด tses paj tu hmoo เพื่อนบอกว่าเขาเอาไปขายที่ต่างประเทศหมด เนื่องด้วยเพราะผมชอบเเนวเพลงของเขาก็เลยเก็บไว้มาให้ผมชุดหนึ่ง หลังจากนั้นผมเขาทำงานในเมืองเเต่ก็ยังติดตามผลงานของ คุณxyooj อยู่เเละชุด TX1 ก็ตามมาติดๆผลงานเพลงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นม้งไทย เเละเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพลงที่ดังในชุดTX2 ก็คือเพลง laib laus จนวัยรุ่นเรียกติดปากว่าlaib laus จนมาสู่การตั้งวงใหม่ว่าlaib lausเเละตอนนี้เวลานี้ผมว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักพวกเขา the hmong band Laib Laus วันนี้คุณประสบความสำเร็จ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)